ในขอบเขตของการให้ยืมและการกู้ยืม อัตราดอกเบี้ยมีบทบาทสำคัญ วิธีหนึ่งที่ใช้กันทั่วไปในการคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้คือ อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ซึ่งแตกต่างจากอัตราคงที่ (Fixed Rate) อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก จะคำนึงถึงยอดเงินต้นที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ในบทความนี้จะเป็นคู่มือที่ครอบคลุม มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกอย่างถ่องแท้ รวมถึงคำจำกัดความ สูตรการคำนวณ ตัวอย่าง และการเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่

อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) คืออะไร?

อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เป็นวิธีการคำนวณดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อตามยอดคงค้างของเงินต้น ในวิธีนี้ ดอกเบี้ยจะคิดจากจำนวนเงินต้นที่ลดลง ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงตามการชำระคืนเงินกู้แต่ละครั้ง เป็นผลให้ส่วนดอกเบี้ยลดลงเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป

สูตรอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

ดอกเบี้ย = (เงินต้น × อัตราดอกเบี้ย × จำนวนวันของงวด (เดือน)) / จำนวนวันของปี

เพื่อแสดงสูตรนี้ ลองพิจารณาตัวอย่างด้านล่าง ที่ผู้กู้มียอดเงินต้นของเงินกู้อยู่ที่ 10,000 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่อปีที่ 24% เราจะถือว่าผู้ให้กู้ใช้เกณฑ์ 365 วันในการคำนวณดอกเบี้ย

ตัวอย่างตารางแสดงการคำนวณดอกเบี้ยสำหรับ 3 เดือนแรกของการกู้

เดือน

ยอดหนี้ต้นเดือน

อัตราดอกเบี้ย

จำนวนวันของเดือน

ชำระดอกเบี้ย

ชำระเงินคืน

ยอดคงเหลือปลายเดือน

1

10,000.00

24%

31

203.84

1,000

9,203.84

2

9,203.84

24%

29

175.50

1,000

8,379.34

3

8,379.34

24%

31

170.80

1,000

7,550.14

ในเดือนแรก ยอดหนี้ต้นเดือนคือ 10,000 บาท ใช้อัตราดอกเบี้ย 24% เราคำนวณดอกเบี้ยต่องวดโดยคูณด้วยจำนวนวันในเดือน 31 และหารจำนวนปีด้วย 365:

ดอกเบี้ยต่องวด = (เงินต้น x อัตราดอกเบี้ยรายปี x วันในเดือน) / 365

= (10,000 × 24% × 31) / 365

= 203.84 บาท

จำนวนเงินที่ชำระคืนในแต่ละเดือนจะถือว่าเท่ากับ 1,000 บาท และยอดคงเหลือสุดท้ายจะคำนวณโดยการลบการชำระคืนออกจากยอดดุลต้นงวดและเพิ่มดอกเบี้ยรายวัน:

ยอดคงเหลือปลายเดือน = ยอดหนี้ต้นเดือน - ชำระเงินคืน + ชำระดอกเบี้ย

กระบวนการคิดคำนวณดอกเบี้ยลดต้นลดดอกนั้นจะ ถูกคำนวณซ้ำในเดือนต่อๆ ไป ปรับวันของเดือนตามความจำเป็น ดอกเบี้ยที่ต้องชำระก็จะถูกคำนวณใหม่ตามยอดเงินต้นที่ลดลง

โปรดทราบว่าการคำนวณดอกเบี้ยและเงื่อนไขการชำระคืนที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสัญญาเงินกู้เฉพาะและนโยบายของผู้ให้กู้ ขอแนะนำให้ศึกษาสัญญาเงินกู้หรือพูดคุยกับผู้ให้กู้เพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิธีการคำนวณดอกเบี้ยที่ใช้ในเงินกู้เฉพาะของคุณ

อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate) vs อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอก (Effective Rate)

ดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate)

อัตราดอกเบี้ยคงที่ คิดดอกเบี้ยตามจำนวนเงินกู้เดิมตลอดอายุการกู้ ด้วยวิธีนี้ จำนวนดอกเบี้ยจะคงที่ และยอดเงินต้นจะไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป ไม่นำการชำระคืนเงินกู้มาคิดใหม่ ส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยสูงกว่าเมื่อเทียบกับวิธีคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)

ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) คำนวณดอกเบี้ยตามยอดคงค้างของเงินต้น เมื่อผู้กู้ชำระคืน เงินต้นจะลดลง ส่งผลให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง วิธีนี้ถือว่าเป็นมิตรกับผู้กู้มากกว่า เนื่องจากสะท้อนยอดเงินกู้จริงและส่งผลให้จ่ายดอกเบี้ยต่ำกว่าวิธีอัตราดอกเบี้ยคงที่

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าดอกเบี้ยคงที่ และดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

  • การคำนวณดอกเบี้ย: ดอกเบี้ยคงที่ใช้จำนวนเงินกู้เดิมตลอดอายุเงินกู้ ในขณะที่ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกจะคำนวณดอกเบี้ยตามยอดคงเหลือของเงินต้นที่ลดลง
  • ภาระดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยคงที่มีแนวโน้มที่จะมีภาระดอกเบี้ยสูงกว่าเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยลดต้นลดดอก เนื่องจากดอกเบี้ยจะคิดจากจำนวนเงินกู้เดิม
  • การชำระคืนเงินกู้: ด้วยวิธีการลดต้นลดดอก ส่วนเงินต้นของการชำระคืนจะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ในขณะที่ส่วนดอกเบี้ยจะลดลง ในทางตรงกันข้าม วิธีอัตราดอกเบี้ยคงที่มีส่วนของเงินต้นและดอกเบี้ยคงที่ตลอดอายุเงินกู้
  • ความโปร่งใส: วิธีการลดต้นลดดอกมีความโปร่งใสเนื่องจากสะท้อนยอดเงินกู้จริงและให้ความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการจ่ายดอกเบี้ย ในทางกลับกัน วิธีอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่อาจไม่สามารถแสดงต้นทุนที่แท้จริงของการกู้ยืมได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากจำนวนดอกเบี้ยคงที่โดยไม่คำนึงถึงยอดคงเหลือของเงินต้น
  • ต้นทุนการกู้ยืม: เนื่องจากภาระดอกเบี้ยที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกอาจส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมโดยรวมลดลงเมื่อเทียบกับวิธีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ผู้กู้อาจประหยัดเงินโดยการเลือกขอสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยสมดุลที่ลดลง
  • การเลือกกู้แบบเปรียบเทียบ: เมื่อเปรียบเทียบตัวเลือกเงินกู้ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาประเภทอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าอัตราคงที่อาจดูต่ำกว่าในตอนแรก แต่วิธีการลดต้นลดดอกสามารถให้ความสามารถในการจ่ายในระยะยาวที่ดีกว่า
  • เป้าหมายทางการเงิน: การเลือกระหว่างอัตราคงที่และอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินแต่ละรายการ หากผู้กู้ตั้งใจที่จะลดดอกเบี้ยจ่ายให้น้อยที่สุดและมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับยอดเงินกู้ที่แท้จริง วิธีลดต้นลดลดอกอาจเหมาะสมกว่า

การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างอัตราคงที่และอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกเป็นสิ่งสำคัญเมื่อต้องการกู้ยืมเงิน แม้ว่าอัตราคงที่จะคิดดอกเบี้ยตามจำนวนเงินกู้เดิม วิธีลดต้นลดดอกจะพิจารณายอดคงเหลือที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อพิจารณาจากยอดเงินต้นคงค้าง วิธีการลดยอดคงเหลือสามารถส่งผลให้การจ่ายดอกเบี้ยและต้นทุนการกู้ยืมโดยรวมลดลง

เมื่อประเมินทางเลือกเงินกู้ ผู้กู้ควรตรวจสอบโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยอย่างรอบคอบและพิจารณาเป้าหมายทางการเงินของตน วิธียอดคงเหลือแบบลดทอนให้ความโปร่งใสและการแสดงยอดเงินกู้จริงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้กู้ได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ลดลงเมื่อชำระคืนและลดยอดเงินต้น

ขอแนะนำให้ผู้กู้เปรียบเทียบต้นทุนรวมของการกู้ยืมภายใต้ประเภทอัตราดอกเบี้ยต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ สถาบันการเงินหรือผู้ให้กู้ควรให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างอัตราดอกเบี้ย กำหนดการชำระคืน และจำนวนเงินทั้งหมดที่ต้องชำระตลอดอายุเงินกู้

ในท้ายที่สุด การทำความเข้าใจความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะช่วยให้ผู้กู้สามารถตัดสินใจได้อย่างรอบรู้และเลือกตัวเลือกเงินกู้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความต้องการทางการเงินของพวกเขา